รุมจวก บัวขาว ปากไวเลิกชกจบไม่สวย

รุมจวก บัวขาว ปากไวเลิกชกจบไม่สวย

คนวงการมวยเสียดาย "บัวขาว" ประกาศแขวนนวม หลังเปิดโต๊ะเจรจาผลประโยชน์กับค่าย ป.ประมุข เหลว กกท.ชี้ "ดำดอทคอม" ถูกถอนใบอนุญาตชก 6 เดือน ฝ่าฝืนชกจำคุก 6 เดือน เผยเปลี่ยนสัญชาติก็อยู่นอกเหนือ พ.ร.บ.มวย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 55 การประกาศแขวนนวมของนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว ป.ประมุข นักมวยไทยชื่อดังกลางโต๊ะเจรจากับค่ายมวย ป.ประมุข ต้นสังกัด หลังไม่สามารถตกลงเรื่องการแบ่งผลประโยชน์กันได้ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางจากผู้คนในวงการมวย ไม่ว่าจะเป็น "กำนันแก๊" นายประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่าย ป.ประมุข ที่กล่าวย้ำถึงบัวขาว หรือ "ดำดอดคอม" ว่าจะต้องเลิกชกมวยจริง ๆ เพราะหากเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วไปชกมวยอีกก็ยังว่าทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับทางค่าย

ขณะที่ "ชาติซ้าย" สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพแห่งประเทศไทย แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของบัวขาว ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้ตกลงเซ็นสัญญาแบ่งผลประโยชน์ลงตัวแล้ว แต่ถึงเวลากลับเรียกร้องเพิ่มจนเรื่องจบไม่สวย ตนในฐานะผู้ใหญ่ที่เป็นคนกลางอยากให้ทั้งสองฝ่ายดีกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะพยายามอย่างที่สุดแล้ว

ด้านนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ในฐานะเป็นตัวกลางผู้นัดเจรจาเรื่องนี้ เผยว่า ตนเองรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ต้องจบแบบแพ้กันทั้งสองฝ่าย เพราะสาเหตุเงื่อนไขเพียงนิดเดียว แต่ต่อรองกันมากไปว่าใครจะเป็นผู้รับงานโชว์ตัวต่างๆ ทนายบัวขาวก็บอกว่า บัวขาวจะขอรับเงินค่าออกงานต่างๆ คนเดียว ซึ่ง ป.ประมุข บอกไม่ได้ ต้องมีส่วนรับรู้ทั้งสองฝ่าย ในที่สุดลงเอยกันไม่ได้ เหมือนเกลือวางบนโต๊ะแต่สุดท้ายกลายเป็นเศษดิน ต่างฝ่ายก็ไม่ได้อะไรเลย เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

"เรื่องนี้ผมถามกำนันแก๊แล้วว่า เมื่อลงเอยแบบนี้แล้วจะพอใจไหม คุ้มกันไหม แม้ว่าทนายฝ่ายบัวขาวที่มาเจรจาในวันนี้จะผิดเงื่อนไขในเรื่องส่วนแบ่งรายได้ไปบ้าง ส่วนตัวผมเองเสียดายบัวขาว เพราะเขายังชกมวยทำเงินได้อีกเป็นร้อยล้าน หรือเราจะตั้งให้เป็นทูตกีฬาก็ยังได้ แต่เมื่อเลิกชกทุกอย่างก็จบ สัญญาทุกอย่างที่มีต่อ ป.ประมุข ก็เป็นอันยกเลิก ซึ่งจะมีผลควบคุมในระยะเวลา 5 ปี ขณะนี้ สำนักงานมวยของ กกท. ก็ออกคำสั่งถอนใบอนุญาตชกมวยของเขาแล้ว เป็นเวลา 6 เดือน ดังนั้นหากยังฝ่าฝืนขึ้นต่อย หรือหนีไปชกในต่างประเทศก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย มาตรา 39 คือจะถูกลงโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งปรับทั้งจับเลยทีเดียว"

นายสกล กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วเมื่อวานนั้น บัวขาวใจร้อนไปนิดหนึ่ง ถ้ารอให้มีการสืบพยานหลักฐาน กรณีขอออกจากค่ายก่อนอย่าใจร้อน ก็อาจมีบทสรุปที่ดีกว่านี้ แต่นี่ประกาศเลิกชกมวยไปเลย เมื่อทำอย่างนี้จึงไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ป.ประมุข ถือสัญญาอยู่ ก็ต้องรอจับผิดว่าบัวขาวจะแอบหนีไปขึ้นชกอีกที่ไหนหรือไม่ ก็จะตามไปฟ้อง ซึ่งก็คงเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันไปไม่สิ้นสุด ผมเคยเตือนแล้ว ถ้าเลิกกันทั้งคู่จะไม่ได้อะไรเลย

ส่วนกรณีที่คนวงการมวยมองว่า หากบัวขาวจะโอนสัญชาติและไปชกในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะรายได้หลักจากการชกมวยในเมืองไทยก็มีเพียงแค่ศึกไทยไฟท์เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วที่ผ่านมา บัวขาวเป็นที่โด่งดังและมีรายได้จากการชกมวยในต่างแดนทั้งสิ้น เรื่องนี้ นายสกล รองผู้ว่าการ กกท.ให้ทัศนะว่า จริงๆ แล้วบัวขาวยังทำชื่อเสียงให้ประเทศได้อีกมาก ถ้าใครรับไปทำก็จะได้ผลประโยชน์อีกเต็มๆ อย่างน้อยๆ สองสามปีเป็นเงินนับร้อยล้านบาทได้เลย มวยอย่างบัวขาว เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป หากเขาจะโอนสัญชาติไปเป็นญี่ปุ่น หรืออาจจะไปเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่งอย่างนายจิมมี่ หรือนายอะไรก็แล้วแต่ ถ้าถึงขั้นนั้นจริงก็คงอยู่นอกเหนือเขตการควบคุมของพระราชบัญญัติกีฬามวย และกฎหมายของเราแล้วเช่นกัน ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

"สรุปแล้ว บัวขาวไม่ได้ผลประโชน์จาก ป.ประมุข แต่เขาได้อิสระ เหมือนนกออกจากกรง อย่างน้อยๆ ต้องไปหาทนายแก้ต่างให้ดีๆ เท่านั้นเอง ขณะที่ ป.ประมุข ก็ทำได้แค่ตั้งทนายรอฟ้องหากมีการฝ่าฝืน เสียดายโอกาสทั้งสองฝ่าย ผิดใจกันด้วยแค่ข้อตกลงนิดเดียวเอง เล่นแง่กันมากเกินไป ใช้ทนายเป็นประโยชน์มากเกินไป เงินกองอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่เกลือ แต่กลับกลายเป็นดินทราย มลายหายไปเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งผมเสียใจ เสียดาย และไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก" นายสกล รองผู้ว่าการ กกท.กล่าว

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น