“บัวขาว ป.ประมุข-ไทยไฟต์” วิถีใหม่ชั่วข้ามคืน?

บัวขาว ป.ประมุข-ไทยไฟต์” วิถีใหม่ชั่วข้ามคืน?

555000013684201

ASTVผู้จัดการรายวัน - “สะใจพระเดช พระคุณยิ่งนัก” สำหรับลีลาการชกของ บัวขาว ป.ประมุข ที่ไล่ต้อน เมาโร เซอร์รา จากอิตาลี ชนะน็อคไปในยกที่ 3 ของศึก “ไทยไฟต์ 2012” รอบแรกที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เมื่อวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2555 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบเซมิไฟนัลรุ่น 70 กิโลกรัมอย่างสมศักดิ์ศรีแชมป์ ใครได้ชมการถ่ายทอดสดต้องยอมรับว่าเจ้าของฉายา “ดำดอทคอม” หรือ สมบัติ บัญชาเมฆ ออกลีลาเดินปล่อยอาวุธแบบดุดัน แก้ตัวจากการชกชนะนักมวยฝรั่งเศสที่ เลสเตอร์ เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้สำเร็จ เพราะครั้งนั้นเรียกว่าคนดูอารมณ์ค้างกรรมการยุติการชกยกที่ 2 เพราะเห็นว่าสู้ไม่ได้ ส่วนผลอีกคู่รุ่น 67 กิโลกรัม สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ ชนะคะแนน วัตนิคาจ วัลดริม จากเบลเยียม ผ่านเข้ารอบเช่นกัน555000013684202

ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ฝ่ายจัดการแข่งขัน “ไทยไฟต์” ประสบความสำเร็จอย่างมากนับตั้งแต่ระเบิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2553 ถือว่าตอบโจทย์ทุกแง่มุมได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากแฟนมวยทุกเพศทุกวัยที่ต้องการลิ้มรสศิลปะประจำชาติ ทั้งตีเข่าฟันศอก จนกระทั่งปัจจุบันเริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนมองว่าเป็นเพียงการชกเพื่อเอ็นเตอร์เทนคนดูเท่านั้น เพราะบางรุ่นคู่ต่อสู้ต่างชาติไร้ชื่อชั้นและเหมือนเลือกขึ้นสังเวียนให้ถูกต้อนมากกว่าจนเริ่มขาดอรรถรส ส่วนของ บัวขาว ยอมรับว่า เป็นตัวจริงเสียงจริงไม่มีใครกังขาในฝีไม้ลายมือและถือเป็นนักชกแม่เหล็กเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ทุกอย่างกลับมีข้อแม้ต้องขึ้นอยู่กับต้นสังกัดและผลประโยชน์เป็นหลัก โดยมีการตระเวนชกมาแล้วทั้งที่ประเทศฝรั่งเศสและ เลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ทว่าจะไม่ชกกับคนไทยด้วยกันเองไม่ว่าจะเป็นรุ่นไล่เลี่ยกันหรือชกโชว์กับ สมรักษ์ คำสิงห์ และ มนัส บุญจำนงค์ 2 ฮีโร่เหรียญทอง โอลิมปิก รวมถึงกระแสที่ว่าจะมีไฟต์พิเศษกับ แมนนี ปาเกียว กำปั้นมวยสากลระดับโลกชาวฟิลิปปินส์ คนแรกที่คว้าเข็มชัดแชมป์โลก 8 สถาบัน ตอนนี้คำตอบก็ยังไม่แน่นอน
555000013684203
นายนพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันขันมวย “ไทยไฟต์” ได้ตอบปัญหาคาใจทั้งหลายทั้งปวง ว่า “สำหรับใครที่อยากชกกับ บัวขาว ผมบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้เนื่องจากเป็นนโยบายของเรา ที่จริงนักมวยแต่ละคนไม่มีใครกลัวใครอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิทธิ์เลือกเอง แต่ต้องขึ้นอยู่กับโปรโมเตอร์เป็นคนจัดให้มาเจอกันมากกว่า ซึ่งทางเรามีแนวทางที่แน่วแน่พยายามสร้างวิถีใหม่ของวงการมวยไทยขึ้นมา เราพยายามสร้างฮีโร่มวยไทยที่ขาดหายไปนาน การต่อยกับคนไทยด้วยกันเองจึงไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เพราะถ้าอยากจะดูคนไทยชกกันตามเวทีมวยราชดำเนินหรือลุมพินีก็มีให้ชมอยู่แล้ว”

“เราพยายามจะสร้างวิถีที่แตกต่างถึงแม้จะเป็นมวยไทยเหมือนกัน แต่รูปแบบการชกรวมถึงการเตรียมตัวนั้นต่างกัน ไทยไฟต์ อาจจะแพ้ทางมวยตามเวทีต่างๆ หรือแชมป์มวยเวทีชื่อดังอาจจะแพ้ฝรั่งที่ตกรอบแรก ไทยไฟต์ เพราะเมื่อชกแต่นักมวยไทยด้วยกันเอง พอไปเจอชาวต่างชาติที่รูปร่างใหญ่กว่าก็จะต้องมีการรับมืออีกแนวทาง ฉะนั้น จะวัดว่าใครเก่งกว่ากันนั้นไม่ได้ สิ่งที่เราทำคือการสร้างฮีโร่คนไทยที่สามารถเอาชนะชาวต่างชาติได้ทั่วโลกและที่ว่าคู่ต่อสู้ที่นำมาห่างชั้นกว่านั้นเราก็พยายามคัดเลือกพิถีพิถันอย่างดีอยู่แล้ว” นายนพรัตน์ เผย

เรื่องนี้ทีมข่าว MGR SPORT ได้สอบถามถึงมุมมองของ พลตำรวจเอกโกวิท ภักดีภูมิ ฐานะรองประธานสภามวยโลก “ดับเบิลยูบีซี” (WBC) และประธานองค์กรมวยไทยของสภามวยโลก (WBC Muay Thai) ผู้คร่ำหวอดวงการผืนผ้าใบมาอย่างยาวนานได้ให้ความเห็นว่า "ไทยไฟต์ ถือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมเชิงเอ็นเตอร์เทนมากกว่า ไม่ผิดเป็นกีฬารูปแบบหนึ่งช่วยเชิดชูศิลปะของประเทศอีกทางหนึ่ง แต่ปัญหาอยู่ที่ไม่มีการแข่งขันอย่างจริงจังและเป็นสากล ไร้นักมวยดังและไม่มีการจัดอันดับ แต่ละคู่ที่เจอกันก็ไม่สูสี ต่างชาติจึงไม่ให้ความสำคัญ”
555000013684204
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.โกวิท ยังได้แนะนำถึงการพัฒนามวยไทยแบบยั่งยืนไม่ว่าจะเป็น ไทย ไฟต์ หรือ มวยไทยต้นตำรับจริงๆ ทิ้งท้ายว่า “ปัญหาสำคัญของมวยไทยทุกวันนี้ก็คือ ต่างฝ่ายต่างจัดไม่มีหลักการตายตัว บางครั้งแต่ละเวทียังมีวิธีการให้คะแนนต่างกัน สิ่งที่เราต้องทำคือสร้างหลักเกณฑ์ที่แน่นอนขึ้นมา ทาง ดับเบิลยูบีซี ได้เน้นตรงจุดนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วว่าจะต้องมีการจัดอันดับทุกเดือน มีเว็บไซต์แจ้งข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ นักมวยที่อันดับใกล้เคียงกันเท่านั้นถึงจะได้ชิงแชมป์จึงจะได้รับความสนใจจากต่างชาติเพื่อมาขึ้นเวทีชิงเข็มขัดแชมป์ ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีและถูกต้อง โดยจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและบริหารที่เป็นสากลเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ”

จากนี้รอบเซมิไฟนัลจะมีขึ้นวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ณ จังหวัดนครราชสีมา ต่อด้วยนัดชิงชนะเลิศวันที่ 16 ธันวาคมนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า น่าจะได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเช่นเคย เพราะรากฐานที่ได้สร้างขึ้นมามั่นคงแล้วสีสันต่างๆ ก็ทำได้ยอดเยี่ยม แต่ทว่ารูปแบบและชกพร้อมคอนเซปต์ที่ว่า “ร่วมส่งเสริมมวยไทยและวัฒนธรรมไทย” ฝ่ายจัดการแข่งขันจะก้าวไปในทิศทางอย่างไรต่อไปเพื่อสร้างความยั่งยืน กระแสตอบรับจากแฟนชาวไทยและเวลาจะให้คำตอบเอง

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น