กำนันแก๊ใส่บัวขาว คนจัดยัน! ไม่ได้เล่นละคร

กำนันแก๊ใส่บัวขาว คนจัดยัน! ไม่ได้เล่นละคร


หากโดนฟ้องก็พร้อมสู้ ‘จ่าทุย’ระบุไม่มีทางเลือก

“กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ โต้กลับเรื่องยืมเงิน 3 ล้านบาท ไม่มีแน่นอน ฝากบอกไปถึงบัวขาวให้ออกมาคุยกันอย่ามาใช้วิธีแอบอ้างอย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง ชี้ตอนนัดให้มาเคลียร์ ที่มีทั้งผู้ใหญ่หลายฝ่าย “เจ้าดำ” ก็กลับไม่ยอมมา ระบุอย่าเป็น “คนลวงโลก” ก่อนย้ำถ้าบัวขาวไม่เคลียร์ ตนก็ไม่ยอมแน่ จะสู้ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ขณะที่ฝ่ายสปอร์ตอาร์ต ผู้จัดศึกไทยไฟต์ ชี้ตนเป็นเพียงผู้ดำเนินการจัดไทยไฟต์ ทุกอย่างตนไม่ได้เล่นละครตบตา เพราะมีการพูดคุยมาตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แต่ถ้าถูกฟ้องก็พร้อมสู้ให้ถึงที่สุดเพราะมีหลักฐานเช่นกัน ด้าน “จ่าทุย” พ.อ.อ.อัทธ์พงษ์ อ่ำอนันต์ ทีมงานประกบคู่มวย ยอมรับว่าผิด พ.ร.บ.มวย แต่ตนไม่มีทางเลือก โดยขอเลือกที่ผิดน้อยที่สุด ยอมรับก่อนที่จะตัดสินใจส่งบัวขาวชก ได้สอบถามเจ้าตัวแล้ว

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ 13 เหรียญพระรามเก้า “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ พร้อมกับลูกชาย ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ และวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายความ และคนในวงการมวย อาทิ “บิ๊กซ้ง” ทรงชัย รัตนสุบรรณ, “ทิดแฝด” บุญเชือน เจริญผล, “เสี่ยหยาง” สุรพล นราตรีกุล, อ.สุรัตน์ เสียงหล่อ และ “บังมาด” ส.ส.สามารถ มะลูลีม รวมถึงมี 3 นักชก ดังในสังกัดค่าย ป.ประมุข  ประกอบด้วย พรสวรรค์ ป.ประมุข อดีตแชมป์โลก, ผจญศึก ป.ประมุข, โชคดี ป.ประมุข และเทรนเนอร์ค่าย บรรลือศักดิ์ เชิญยิ้ม ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ “ดำดอทคอม” บัวขาว ป.ประมุข ขึ้นชกในรายการ “ไทยไฟต์” ซึ่งถือเป็นการทำผิด พ.ร.บ.มวย

โดยกำนันแก๊กล่าวว่า ตั้งแต่บัวขาว ป.ประมุข ออกจากค่ายไปเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนพยายามติดต่อจะคุยกับบัวขาว โทรศัพท์และฝากข้อความเป็นร้อยๆครั้งก็ไม่ยอมรับสาย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าบัวขาวมีอะไรเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่บัวขาวออกมาว่าค่าย ป.ประมุข ติดเงินอยู่ถึง 3 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ตนยืนยันว่าตอนที่ตนดูแลค่ายอยู่ไม่มีติดเงิน 3 ล้านบาทแน่ ต่อมาได้ยกค่ายมวยให้ลูกดูแล ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีอะไรกันหรือเปล่า แต่ได้สอบถามกับลูกชายแล้ว ก็ยืนยันว่าไม่มีติดเงินต่อกันแต่อย่างใด และถ้ามีบัวขาวก็ต้องเอาหลักฐานมาชี้แจง จะมาใช้วิธีแอบอ้างอย่างนี้ไม่ได้ ทำอย่างนี้ถือว่าทำให้ตนและค่ายมวยเสียชื่อเสียง ใช้ไม่ได้

หัวหน้าค่าย ป.ประมุขกล่าวอีกว่า ถึงวันนี้ตนฝากบอกถึงบัวขาวให้ออกมาคุยกันเถอะ หรือจะให้คนกลางมาร่วมเจรจาก็ได้ เรามาคุยกัน แต่อย่ามาใช้วิธีแอบอ้างอย่างนี้ มันไม่ถูกต้อง แล้วตอนนัดให้มาเคลียร์ ที่มีทั้งผู้ใหญ่หลายฝ่ายอย่างนายกสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ กับผู้ว่าการ กกท. กนกพันธุ์ จุลเกษม “เจ้าดำ” ก็กลับไม่ยอมมา แล้วยังมาพูดไม่ตรงประเด็นอีก ตนคิดว่าเขาคงกลัวที่จะต้องมาเจอหน้าตน มาพูดความจริงกัน กลัวว่าถ้าต้องมาคุยแล้วจะทำตัวลำบาก เลยพยายามหลบลี้หนีหน้ากันตลอด อย่างไรก็ตาม ตอนท้ายกำนันแก๊ยังต่อว่าทางบัวขาวว่าเป็น “คนลวงโลก” ซึ่งที่จริงคนที่จะลวงโลกนั้น ต้องเป็นคนที่เขาลำบาก ต้องหาหนทางเอาตัวรอด แต่กรณีของบัวขาวเป็นจอมลวงโลกที่มีพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง มีรถ มีเงิน มากมาย แต่ยังกล้าออกมาลวงโลก ตนก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมบัวขาวถึงเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ จากเด็กนิสัยดี มีความซื่อสัตย์ เคารพนอบน้อม เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นทั้งเด็กเลี้ยงแกะ เป็นทั้งคนลวงโลก ไม่กล้าเผชิญหน้ากับตน แล้วจะกล้าพูดความจริงได้ยังไง ตนขอย้ำครั้งสุดท้ายว่าถ้าบัวขาวไม่เคลียร์ตนก็ไม่ยอมแน่ จะสู้ตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด และให้รีบมาเคลียร์ด้วย เพราะตนคงไม่มีเวลารอนาน

ในส่วนของบริษัทสปอร์ตอาร์ต ที่รับหน้าเสื่อจัดไทยไฟต์ปี 2012 ได้เปิดแถลงข่าวที่สำนักงานบางกอกทูเดย์ หลังโดนค่าย ป.ประมุขยื่นฟ้อง โดยทาง นพรัตน์ พุทธรัตน์ธรรมมณี โปรดิวเซอร์สปอร์ตอาร์ต กล่าวว่า ถ้าบัวขาวไม่ได้ขึ้นชก ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับไทยไฟต์แต่เพียงผู้เดียว เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของคนในค่าย ป.ประมุข ซึ่งทางเราไม่ได้ยุ่ง ในส่วนของ พ.ร.บ.มวย ทุกข้อมีหลักการและความถูกต้อง ซึ่งต้องอยู่ภายใต้ข้อกฎหมายอย่างชัดเจน ต้นเหตุจริงๆ อยู่ที่ ค่าย ป.ประมุขยื่นหนังสืออ๊อปแยก (หนังสือคัดค้าน) ให้ กกท.ซึ่งมีใจความว่า ไม่รับรู้ และยินยอมให้นักมวยในค่ายขึ้นชก เป็นประเด็นที่ทำให้ กกท. ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่สั่งห้ามบัวขาวขึ้นชก ซึ่งมันไม่แฟร์เราเสียหาย ความจริงเรื่องราวทุกอย่างได้มีการพูดคุยกันมาตั้งแต่เดือน ม.ค.แล้ว อย่างนี้ทางค่าย ป.ประมุข จะไม่รู้ว่าไม่รู้เรื่องได้อย่างไร พูดแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่น่าที่บอกว่าไม่รู้เรื่องการชกครั้งนี้ ทั้งที่การประชุมทุกครั้งและทางค่ายก็รู้และเคยให้ข่าวว่าบัวขาว จะชกวันที่ 17 เม.ย. ที่พัทยา รวมถึงช่วงที่บัวขาวหายตัวออกจากค่ายพวกเราก็ยังมีการหารือกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าถูกฟ้องก็พร้อมสู้ให้ถึงที่สุดเพราะมีหลักฐานเช่นกัน และขอบอกตนไม่ได้เล่นละครตบตา แต่ทำไปตามที่เคยพูดคุยกันไว้

ทางด้าน “จ่าทุย” พ.อ.อ.อัทธ์พงษ์ อ่ำอนันต์ ทีมงานประกบคู่มวย ยอมรับว่าผิด แต่เรามีทางเลือกแค่ 2 ทาง ทางเลือกแรก ถ้าบัวขาวไม่ชก ก็ถือว่าผิดสัญญากับทางสปอร์ตอาร์ต ส่วนอีกทางถ้าบัวขาวขึ้นชก จะทำให้ผิดข้อกฎหมาย ดังนั้นต้องมาดูว่าทางเลือกไหนดีที่สุดและผิดน้อยที่สุด เพราะอยู่ในฐานะที่เลือกอะไรไม่ได้เลย เราเลือกที่จะให้บัวขาวขึ้นชก ส่วนจะโดนฟ้องร้องเป็นสิ่งที่จะทำได้ แต่ต้องใช้หลักฐานสู้กันในชั้นศาล

โดย: ทีมข่าวหน้ากีฬา

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น