"บัวขาว" วีรบุรุษ สังเวียน "เหยื่อ" การตลาด

"บัวขาว" วีรบุรุษ สังเวียน "เหยื่อ" การตลาด


555000005213003

ขึ้นชื่อว่า “นักมวย” ชีวิตที่ผ่านกลิ่นสาปนวมและผืนผ้าใบ ย่อมหลีกไม่พ้นหยาดเหงื่อ ความเจ็บปวด และหยดน้ำตา ไม่เว้นแม้ลูกผู้ชายที่ชื่อ “บัวขาว ป.ประมุข” ราชันนักชกไทยแห่งศึกเควัน ซึ่งผ่านศิลปะการต่อสู้มาแล้วอย่างโชกโชนบนเวที ไม่ว่าจะเป็นมวยประเภทไหน เควัน คาดเชือก แม้กระทั่งล่าสุดไทยไฟต์ เขาไม่เคยหวั่นศึกเหนือเสือใต้ สู้ได้อย่างอาจหาญ ไม่ว่าคู่ต่อกรจะมาไม้ไหนก็ตาม จนได้รับสมญานามว่าเป็นนักชก “แบล็คโกลด์” หรือ “ทองคำผิวดำ อำมหิต” จากเมืองไทย

แต่กับสังเวียนชีวิต “สมบัติ บัญชาเมฆ” คือชายหนุ่มจากจังหวัดสุรินทร์ในวัยแค่ 29 ปี มิได้เจนจัดชัดเจนเหมือนบนเวทีมวย หากไม่ระมัดระวังและเชื่อคนผิด สุดท้ายอนาคตอาจหลีกหนีไม่พ้นโศกนาฏกรรมเยี่ยงอดีตนักกีฬาหรือนักชกหลายๆรายในอดีต ที่ตลอดอาชีพถูกคนจ้องเกาะเกี่ยวแสวงหาผลประโยชน์บนชื่อเสียงและภาพลักษณ์ และบั้นปลายต้องกลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สภาพไม่ต่างจาก “หมาล่าเนื้อ” ที่เจ้าของเลี้ยงไว้ใช้งาน พอหมดประโยชน์ก็หาได้เหลียวแล

เรื่องราว “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่ง “ดำ ดอตคอม” หรือ “บัวขาว” ตัดสินใจแหกค่าย ป.ประมุข และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติกีฬามวย ฉบับ พ.ศ. 2542 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามนักมวยที่ไม่มีรายชื่อหรือไม่ได้ขึ้นชั่งน้ำหนัก ขึ้นชกบนเวที เด็ดขาด โดยกฎนี้ถูกตราขึ้นก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักมวยทั้งสองฝั่ง ป้องกันไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันจนเกินไป รวมทั้งความปลอดภัยของ “ผู้ชม” ไม่ให้โดนผู้จัด “แหกตา” ง่ายๆด้วย

17 เม.ย. 55 ณ แหลมบาลีฮาย พัทยา “ยอดนักชก” ตัดสินใจขึ้นชกบนเวทีไทยไฟต์ 2012 โดยทางโปรโมเตอร์ ไม่ได้ยืนยันล่วงหน้าว่า “บัวขาว” จะขึ้นตะบันหน้า เพียงแต่ระบุว่านักมวยจะมาปรากฏตัวบนเวทีอย่างแน่นอนเท่านั้น

ทว่าจากเหตุการณ์ที่ปรากฏออกมาทั้งบนเวทีและหลังการชก ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกเตรียมการมาเป็นอย่างเป็นขั้นเป็นตอนราวกับฉากในภาพยนตร์ให้คนประทับใจ มีการนำคุณพ่อของ “บัวขาว” ซึ่งไม่เคยชมการชกของลูกชายมาก่อน มาชมที่ขอบเวที มีการนำนักมวยจากรัสเซียที่ได้พักไม่ถึง 21 วันและสภาพดูไม่พร้อมนัก มาให้ “บัวขาว” ถลุงเล่นบนเวที มีการตระเตรียมบทให้พิธีกร บิลด์อารมณ์ “นักมวย” จนกระทั่งทนไม่ไหวต้องหลั่งน้ำตาออกมา สุดท้ายจบด้วย Copy Writingประโยคเก๋ๆ “นักสู้...ย่อมไม่ละทิ้งหน้าที่!”

งานนี้อยากจะมอบรางวัล “การตลาด” ยอดเยี่ยมให้โปรโมเตอร์เสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยพับผ่า !!! ได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง แถมส่ง “ไทยไฟต์” ให้เป็นรายการที่ติดหูคนไทยไปเรียบร้อยโรงเรียน นพพร วาทิน

ขณะที่ “บัวขาว” ซึ่งอาจหาญขึ้นชก ลงเวทีมาโดนเจ้าของค่าย ป.ประมุข อย่าง “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ และลูกชาย ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ ฟ้องเรียกค่าเสียเหายกราวรูด

กระทงแรก “ผิดสัญญา” ที่เซ็นไว้ กับทางค่าย ขึ้นชกโดยทางต้นสังกัดไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย

กระทงที่สอง “หมิ่นประมาท” ยังไม่รวมออเดิร์ฟ คดีแหก พ.ร.บ. มวย ด้วย

สำหรับคดีหมิ่นนั้น โดย วิวัธน์ แสงสุริยฉัตร ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ป.ประมุข เผยว่า กำนันแก๊ ฉุนขาดในกรณีที่ “บัวขาว” ไปให้ข่าวเสียหายกับทางค่ายว่า แอบมุบมิบค่าตัว เบี้ยวค่ารถ ตรงกันข้ามกับทางค่ายที่ไม่เคยออกมาพูดให้ร้ายตัวนักมวยเลย แหล่งข่าวในค่าย ป.ประมุข เองสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของ “บัวขาว” ในระยะหลัง

“ทุกคนในค่ายเสียความรู้สึกกับการกระทำและสิ่งที่ บัวขาว ออกมาพูดถึงทางค่ายในทางเสียหาย นอกจากแง่มนุษยธรรมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานานนับ 20 ปี ส่วนเรื่องเคลียร์ใจทางเราพยายามติดต่อให้ บัวขาว มาคุยกันตลอด แต่ถูกปัดเสมอมา เมื่อสถานการณ์ถึงจุดนี้คงต้องว่ากันเรื่องกฎหมายจากนั้นก็ทางใครทางมัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวค่อนข้างสงสาร บัวขาว เพราะเด็กคนนี้ใสซื่อ บางทีโดนใครเข้ามาพูดกรอกหูก็เชื่อไปเสียหมด ซึ่งทางเราทราบดีว่ามีมือที่ 3 พยายามพราก บัวขาว ไปจาก ป.ประมุข โดยบุคคลดังกล่าวเล็งเห็นผลประโยชน์จากตัวนักชก ถึงขั้นมีการพูดเชื้อชวนว่าถ้าย้ายออกมาและอยากเปิดค่ายเองก็พร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือเต็มที่"

สอดคล้องกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้นว่า “บัวขาว” อยากออกมาจาก ป.ประมุข แล้วมาตั้งค่ายเองโดยใช้ชื่อว่า “บัญชาเมฆ” ซึ่งไม่น่าจะเป็นความคิดของนักชกวัยเพียง 29 ปี และยังมีเวลาโลดแล่นบทผืนผ้าใบอีกนาน อยากจะรับผิดชอบถึงขนาดเป็นเจ้าของค่ายเอง เพื่อดูแลนักชกเป็นสิบๆ ร้อยๆ ราย

ถึงเวลานี้เหตุการณ์ดูท่าจะบานปลาย วีรบุรุษบนสังเวียน ดูเหมือนกำลังเจองานเข้า เพราะไปหลงเชื่อ “น้ำคำ” ใครบางคนที่หวังจะใช้ตัวเขาเป็นสะพานหาผลประโยชน์ โดยเริ่มตั้งแต่ “ยุแยง” ให้ทะเลาะกับทางค่ายเก่าจนถึงขั้น “ปีกกล้า” ขนาดจะตั้งค่ายเอง

แม้เป็นไปได้ว่า “บัวขาว” จะมีปัญหาคาใจกับทาง ป.ประมุข เรื่องการแบ่งผลประโยชน์การชกซึ่งปกติว่ากันแบบ 50 ต่อ 50 แต่เรื่องของลิขสิทธิ์ต่างๆ ตัวนักมวยเองคิดว่าเขาน่าจะได้มากกว่าที่ทางค่ายจัดสรรให้ที่ผ่านๆมา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเจรจากันอยู่เรื่อยๆ ทว่าก็ต้องยอมรับด้วยว่า ตัวนักชกผู้นี้มีสัญญาที่เซ็นไว้ผูกพันตามกฎหมายอย่างถูกต้องกับทางค่าย ป.ประมุข เช่นเดียวนักกีฬาชื่อดังรายอื่นๆ บนโลกใบนี้ ดังนั้นการทำอะไรพละการโดยขัดต่อตัวบทกฎหมายนั้น ถือว่าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการต้องคดีความอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ ป.ประมุข วิวัธน์ แสงสุริยฉัตร ยังออกมาระบุชัดด้วยว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องและอ้างว่าเป็น ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของยอดนักชก ได้แก่ ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม โดยมี “ตู่” ณฐิกานต์ แสงจันทร์ เป็นผู้ช่วยประสานงานในการรับงานต่างๆแทนตัว “บัวขาว” แล้ว แถมยังมีโปสเตอร์โฆษณาการชกของ “บัวขาว” ในต่างแดนเป็นหลักฐานอีกด้วย

จะว่าไปก็เหมือนเป็นการ “ปล้นกลางแดด” ยอดมวยผู้นี้จากค่าย ป.ประมุขชัดๆ

“ทางออก” ที่ทุกคนมองเห็นตรงกันมาตั้งแต่ต้น ก็คือการที่ “บัวขาว” จะต้องลดทิฐิและหันกลับไปเคลียร์ตัวเองให้ถูกต้องเสีย โดยอาจจะมี “ตัวกลาง” ใครสักคนที่หวังดีต่อตัวยอดนักมวยผู้นี้จริงๆ ทำหน้าที่เป็นกาวใจประสาน

ซึ่งทางเจ้าของค่ายอย่าง “กำนันแก๊” เองก็ยังพร้อมจะให้โอกาส “บัวขาว” กลับมาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน แต่หากนานวันไปยังไม่กลับใจ ก็ยืนยันว่าพร้อมจะฟ้องและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

ที่ผ่านมาก็ดูเป็นเรื่องน่าแปลกที่ “ผู้หลักผู้ใหญ่” ซึ่งน่าจะทำหน้าที่ “กาวใจ” นี้ได้ก่อนงานไทยไฟต์ ทำไมไม่ช่วยเคลียร์ให้ กลับปล่อยให้มีการขึ้นชกเสียก่อน จึงทำให้เรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวลุกลามถึงขนาดนี้ หรือแอบขยิบตาปล่อยให้มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเพื่อโปรโมทรายการ “ไทยไฟต์” ให้เป็นข่าวโด่งดัง

ก็ไม่ผิดที่หลายคนจะแอบคิดเช่นนั้น!!

ทำไมไม่นำ “บัวขาว” กลับไปเคลียร์กับเจ้าของค่าย เสียให้รู้แล้วรู้รอดก่อนค่อยกลับมาขึ้นชกอย่างสง่าผ่าเผย เป็นพระเอกทั้งในและนอกสังเวียน

สุดท้ายไม่ต่างอะไร หากจะเปรียบเทียบว่าตัว “บัวขาว” เอง กำลังยืนอยู่ท่ามกลาง เสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่จ้องจะหาผลประโยชน์จากตัวเขาเองทั้งสิ้น

วีรบุรุษบนสังเวียนกำลังเป็นเหยื่อการตลาดและเพลี่ยงพล้ำบนเวทีชีวิต.

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น