ปรากฏการณ์บัวขาว

ปรากฏการณ์บัวขาว

ปรากฏการณ์บัวขาว : บทบรรณาธิการประจำวันที่20เม.ย.2555

จู่ๆ ก็ปรากฏตัวบัวขาว ป.ประมุข หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ ที่เคยมีปัญหาหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากค่าย ป.ประมุข บนเวทีศึกไทยไฟท์ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา ชลบุรี ทั้งที่ต้นสังกัด ไม่อนุญาตให้ขึ้นชก ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที บัวขาว ให้เหตุผลในการหนีจากค่ายในครั้งแรกว่า ถูกดุด่าว่ากล่าว แต่ครั้งนี้เขาอธิบายว่า เป็นความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ไม่มีมือที่สามชักนำ ประเด็นก็คือ ความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์หรือเรื่องค่าตัวของนักมวย เป็นเหตุผลเพียงพอที่บัวขาว จะหนีจากค่ายทิ้งความรับผิดชอบที่มีกำหนดการไว้ และการจัดการให้บัวขาวขึ้นชกโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการท้าทาย จงใจ หรือเป็นตัวการร่วมของผู้จัดหรือไม่

ในแง่ของกฎหมาย และระเบียบวินัยของนักมวยในค่าย ที่ต้องมีการเก็บตัว มีการฝึกฝน มีการจัดการในการโชว์ตัว หรือชกในไฟท์ต่างๆ นั้น เป็นเรื่องจำเป็นที่นักมวยต้องมีระเบียบวินัย ไม่ว่าการบริหารจัดการของค่าย ป.ประมุขจะเป็นเช่นใด จะเอาเปรียบนักมวยตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ก็เป็นปัญหาการจัดการภายในของค่ายมวย และเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจาหาข้อยุติด้วยกัน ค่ายมวย ป.ประมุข ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2517 ใช้ชื่อว่าค่ายมวยลูกตลาดใหม่ ต่อมาพัฒนามาเป็นค่าย ป.ประมุข มีนักมวยตระกูล ป.ประมุข ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน เช่น บัวขาว สระแก้ว ผจญศึก ฉมวกทอง คมพยัคฆ์ แต่ดาวเด่นของค่ายนี้ ย่อมเป็นบัวขาว ป.ประมุข

ค่าย ป.ประมุข มีอายุมายาวนาน ทำมวยมานานจนเป็นที่ยอมรับในวงการ แน่นอนว่า ชื่อเสียงในด้านลบอาจจะไม่ปรากฏมากนัก จนเกิดกรณีบัวขาว ป.ประมุข บัวขาวเปิดแถลงข่าวเปิดใจครั้งแรกหลังการชก ที่ทำให้เข้าใจว่าเขาถูกเบี้ยวค่าตัว หรืออย่างน้อยได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะได้ “..ไม่รู้เรื่องค่าตัวมาก่อนเลยว่าจะได้ค่าตัวเท่าไหร่ แต่เมื่อมารู้ทีหลัง ก็รู้ว่าที่ผ่านมานั้นไม่เป็นธรรม อีกทั้งทางค่ายยังมีการยืมจากผมและยังติดเงินผมอยู่ ในค่ายมีปัญหามากมายอยู่แล้ว ปวดหัวไม่สบายใจ จึงไปปรึกษาพ่อ และได้รับคำแนะนำว่า ให้ออกจากค่ายมา” บัวขาว เปิดใจหลังจากที่เขายืนยันว่าพร้อมจะให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปัญหาความขัดแย้งระหว่างบัวขาว กับค่าย ป.ประมุข อาจไม่มีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอที่จะชี้ได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายใดผิด แต่โดยสภาพความเป็นจริง นักมวยส่วนใหญ่จะเป็นลูกชาวบ้านจากชนบท ไม่มีคนชั้นกลางหรือคนที่มีฐานะจะมายึดอาชีพต่อยมวยทำมาหาเลี้ยงชีพ เด็กหนุ่มจากชนบทเหล่านี้ จะได้รับการฝึกฝน ดูแลตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องชีวิต ความเป็นอยู่ รายได้ โดยรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามสถิติการชก และประวัติการชก การที่นักมวยจะโด่งดัง เป็นที่ยอมรับได้ จะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ต้องมีระเบียบวินัยสูง แต่ในขณะเดียวกัน ค่ายมวยก็เป็นธุรกิจ เมื่อลงทุนมาก ผลตอบแทนก็ต้องมากเป็นเงาตามตัว ปัญหาเรื่องผลตอบแทนมากหรือน้อย เป็นธรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่วัดไม่ได้ และในหลายครั้งก็เป็นเรื่องความพึงพอใจ

อาชีพชกมวย แม้ไม่ใช่อาชีพสงวน แต่ก็เป็นอาชีพที่คนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่ฐานะการเงินและฐานะทางสังคมไม่ดีนักเลือกที่จะใช้ไต่เต้าไปสู่ความเป็นคนมีชื่อเสียง มีฐานะในเวลาไม่นานนัก บัวขาว ก็จัดอยูในคนกลุ่มนั้น การที่บัวขาวขึ้นชกโดยฝ่าฝืนข้อบังคับของค่ายมวย ไม่น่าจะเป็นความผิดถึงขนาดต้องเอาเป็นเอาตาย แต่ในขณะเดียวกัน ระเบียบวินัยของนักมวย ก็เหมือนพนักงานทำผิดระเบียบวินัยบริษัท ต้องมีการพิจารณาโทษตามสมควร ส่วนจะมีประเด็นโต้แย้งกันอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกัน แต่อย่างน้อยปรากฏการณ์บัวขาว ก็บอกให้รู้ว่า มวยคือธุรกิจ ที่ปัจจัยสำคัญไม่ใช่ผลแพ้ชนะ หากแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์โดยแท้