เอกลักษณ์ไทย เป็นกาวใจ บัวขาว-ป.ประมุข


เอกลักษณ์ไทย เป็นกาวใจ บัวขาว-ป.ประมุข


ทางค่ายยื่นฟ้อง ผู้จัดศึกไทยไฟต์ ทั้งแพ่ง-อาญา

คณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติ นำโดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ยื่นมือช่วย บัวขาว หลังมีปัญหากับค่าย ป.ประมุข พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกาวใจ ได้ข้อสรุปจาก “ดำดอทคอม” ที่อยากให้ต้นสังกัด ป.ประมุข พิจารณา โดยมี 2 ข้อให้เลือก บัวขาวขอยกเลิกสัญญาแลกหนี้สินกว่า 3 ล้าน ที่ค่าย ป.ประมุข ติดเจ้าตัวเอาไว้ หรือใช้นามสกุล ป.ประมุข ต่อไป แต่ค่าชกจากนี้จะขอแบ่งให้ตน 60 และค่ายรับ 40 ซึ่งในจำนวน 40 จะขอทยอยหักหนี้สินจนหมดด้วย ด้านค่าย ป.ประมุข เตรียมฟ้องคดีแพ่งกับ บ.สปอร์ตอาร์ต ผู้จัดศึกไทยไฟต์ เรียกค่าเสียหายเป็นเงินก้อนโต ฐานละเมิดสิทธิ และคดีอาญา มาตรา 55 รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท.ที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วน “บัวขาว” มีสิทธิโดนคดีหมิ่นประมาท แย้มถ้าเจ้าตัวมาเคลียร์ด้วยตัวเอง ปัญหาทุกอย่างจบ

หลังจากที่ผู้จัดการชกมวย “ไทยไฟต์” ได้ทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการให้ “ดำดอทคอม” บัวขาว ป.ประมุข ซึ่งกำลังมีกรณีขัดแย้งกับ ค่าย ป.ประมุข ขึ้นชกกับนักมวยรัสเซียเมื่อวันอังคารที่พัทยา ปัญหาดังกล่าวสร้างความสนใจให้กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติ ซึ่งได้สั่งการและมอบหมายให้ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ให้เข้ามาเป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

เนื่องจากเห็นว่าบัวขาวเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของประเทศไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมไม่ส่งผลดีทั้งกับทั้ง 2 ฝ่าย รวมไปถึงประเทศชาติด้วย ทั้งนี้ พล.ต.อินทรัตน์ได้นัดหมายให้บัวขาว ป.ประมุข เข้ามาพบกัน และได้สอบถามถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงความต้องการของบัวขาวด้วย ซึ่งหลังการพูดคุยกันแล้ว พล.ต.อินทรัตน์เปิดเผยว่า จะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อ พล.อ.ยุทธศักดิ์ต่อไป และได้นัดหมายคร่าวๆ กับบัวขาวให้เข้าไปเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายประมุข โรจนตัณฑ์ ผู้จัดการค่าย และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้จบไป โดยช่วงเวลาคาดว่าจะเป็นหลังวันที่ 1 พ.ค.ไปแล้ว เนื่องจากในช่วงนี้บัวขาวยังมีภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ

สำหรับข้อสรุปที่ พล.ต.อินทรัตน์ได้จากบัวขาว เนื่องจากผลประโยชน์ที่บัวขาวถูกค่ายมวย ป.ประมุขเอาเปรียบ และติดหนี้บัวขาวประมาณ 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งบัวขาวบาดเจ็บจากการชกมวยก็ไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร เมื่อได้ปรึกษากับบัวขาว ในที่สุดได้ข้อเสนอ 2 ทาง คือ 1.บัวขาวขอยกเลิกสัญญาแลกหนี้สินที่ค่าย ป.ประมุขติดหนี้บัวขาว หรือ 2.บัวขาวยังคงใช้ชื่อค่าย ป.ประมุขเหมือนเดิม แต่ค่ารางวัลชกมวย (เฉพาะการชก) แบ่งเป็นร้อยละ 60 และ 40 โดยบัวขาวได้ร้อยละ 60 และจะฝึกซ้อมเอง โดยค่าย ป.ประมุขไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง รับเปอร์เซ็นต์ร้อยละ 40 อย่างเดียว แต่ในระยะแรกรับเพียงร้อยละ 20 อีกร้อยละ 20 หักหนี้สินจนหมด เมื่อหนี้สินหมด ค่าย ป.ประมุขก็จะได้รับร้อยละ 40 ตลอดไปจนครบสัญญา ทั้งนี้ สัญญานี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นนายแบบโฆษณาของบัวขาว

ด้านบัวขาว ป.ประมุข เปิดใจกับไทยรัฐว่า ดีใจที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ความสนใจเรื่องนี้ และได้เข้าช่วยเคลียร์ปัญหาให้ ต้องขอขอบคุณทั้ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ และ พล.ต.อินทรัตน์ สำหรับตัวเอง ยังมีภารกิจที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า ทั้งการเดินทางไปกาตาร์กลางดึกคืนวันพฤหัสบดี กลับมาก็ยังมีธุระที่บ้าน จ.สุรินทร์ เสร็จแล้วก็จะมีเวลาเข้าไปพบท่านในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท่านเองก็เดินทางกลับจากต่างประเทศเช่นกัน ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ได้เรียนเรื่องความคับข้องใจที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.อินทรัตน์ทราบในเบื้องต้นแล้ว

ส่วนที่อาคารสำนักงานทนายความหมอเส็ง เมื่อ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข พร้อมทนายความ นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร เปิดแถลงข่าวการดำเนินการของค่าย ป.ประมุข กรณีที่ผู้จัดศึกไทยไฟต์ 2012 นำบัวขาว ป.ประมุข ขึ้นชกเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าค่ายและสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. ซึ่งถือเป็นการฉีกกฎหมายทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.กีฬามวย โดยนายวิวรรธน์ กล่าวว่า ทางค่ายจะฟ้องดำเนินคดีแก่ผู้จัดศึกไทยไฟต์ บ.สปอร์ตอาร์ต จำกัด ที่มีนายนพพร วาทิน เป็นประธานกรรมการบริหาร ที่จงใจทำผิดกฎหมายชัดเจน มีความผิดทั้งคดีแพ่งและอาญา โดยทางแพ่งนั้นผิดทางละเมิดสิทธิ จะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินมากแน่นอน ขณะที่ทางอาญามีความผิดตามมาตรา 55 จัดการแข่งขันกีฬามวยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 26 ที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดจัดแข่งขันกีฬามวย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน มีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. ในฐานะนายทะเบียน มีความผิดคดีอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ตามมาตรา 21 ปล่อยให้บัวขาวขึ้นชก ขณะไปปฏิบัติหน้าที่ในสนาม โดยจะฟ้องคดีภายใน 2-3 สัปดาห์นี้

ในส่วนของบัวขาว ป.ประมุข มีความผิดทางคดีแพ่ง ที่ขึ้นชกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางค่าย จะต้องถูกยึดใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.มวย แล้วยังมีความผิดทางคดีอาญา ที่กล่าวหลังชกว่าค่าย ป. ประมุข “อมเงินค่าตัว” เรื่องเงินค่าตัวไม่ชัดเจน การชกแต่ละไฟต์ไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่ ถือเป็นคดีหมิ่นประมาท มีโทษถึงติดคุก รวมทั้งให้การเท็จ อย่างไรก็ตามขอแต่เพียงบัวขาวมาพบและพูดคุยเปิดอกกัน 2 คน ทุกอย่างยุติแน่นอน

โดย: ทีมข่าวหน้ากีฬา

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น