เกือบจบ! บัวขาว ยื้อเพิ่มเงื่อนไข นาทีสุดท้าย

เกือบจบ! บัวขาว ยื้อเพิ่มเงื่อนไข นาทีสุดท้าย

ผลถกลับ 2 ชม.กว่า ศึก บัวขาว ป.ประมุข เกือบจบด้วยดี หลังแบ่งผลประโยชน์ลงตัว กำนันแก๊ ยอมถอนฟ้อง แต่สุดท้ายสัญญาไม่ได้เซ็น เหตุบัวขาวเพิ่มเงื่อนไขให้ถอนฟ้องนักกายภาพบำบัดด้วย แต่ค่ายไม่ยอม 5ef6ghc7bajhgb5ef55gc

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 พ.ค. 55  ที่ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีการนัดหมายให้ บัวขาว ป.ประมุข หรือ สมบัติ บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง กับค่ายมวย ป.ประมุข ซึ่งเป็นคู่กรณีกัน มาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกัน โดยมีผู้ใหญ่ของ กกท.เดินทางมาหลายคน ประกอบไปด้วย สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, เดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย, สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย รวมไปถึง "เสธ.ยอด" พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทยเดินทางมาด้วย

เมื่อทั้งสองฝ่ายทั้งบัวขาว ที่เพิ่งสึก และกำนันประมุข โรจนตัณฑ์ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับลูกชาย "อุ ป.ประมุข" นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ เดินทางมาถึงแล้ว ผู้ไกล่เกลี่ยได้จัดให้ทั้งสองฝ่ายนั่งคนละฝั่ง แต่หันหน้าเจอกันแบบเต็มๆ บัวขาว ซึ่งนั่งติดกับ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ดูมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่กำนันประมุข ค่อนข้างเครียดอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก่อนการพิจารณา บัวขาวได้นำพวงมาลัยไปกราบขอโทษต่อกำนันประมุข และทั้งสองได้มีการพูดคุยกันประมาณ 2 นาที

ทันทีที่จะเริ่มการพิจารณาไกล่เกลี่ย ปรากฏว่า นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความของบัวขาว ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ตามที่สำนักงานกีฬามวยได้ลงโทษแล้วเพิกถอนทะเบียนมวยชั่วคราว (6 เดือน) ให้บัวขาว เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะบัวขาวยังไม่ได้เดินทางมารับข้อกล่าวหาและจะถูกลงโทษด้วยสาเหตุอะไร ถือว่าผิดขั้นตอน และไม่ใช่หน้าที่ของบอร์ด กกท.ที่มีอำนาจในการลงโทษ ก่อนจะเรียกร้องให้สำนักงานกีฬามวยนำเรื่องไปพิจารณาใหม่ มิฉะนั้นต้องไปสู้กันที่ศาล การโต้แย้งครั้งนี้ได้ส่งผลให้ต้องชะลอเวลาการไกล่เกลี่ยออกไป รวมถึงคณะกรรมการผู้พิจารณาจึงขอให้มีการประชุมลับ และได้เชิญผู้ไม่เกี่ยวข้องรวมถึงสื่อมวลชนออกไปรอด้านนอก

เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่า ในที่สุดการไกล่เกลี่ยระหว่าง บัวขาว กับค่ายมวย ป.ประมุข ก็จบลงด้วยดี โดยนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยกล่าวว่า งานนี้ต้องขอบคุณ "เสธ.ยอด" พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่และเป็นฝ่ายประสานงานทั้งสองฝ่ายให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยสรุปได้ว่า ต่อนี้ไปเรื่องส่วนแบ่งค่าตัวในการขึ้นชกมวยของบัวขาวนั้น บัวขาวได้รับ 60 เปอร์เซ็นต์ ค่ายมวยได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายได้จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ตัว ออกทีวี หรือสปอนเซอร์ บัวขาว ได้ 75 เปอร์เซ็นต์ ค่ายมวยได้ 25 เปอร์เซ็นต์ และการรับงานต่างๆ ทั้งสองฝ่ายต้องรับรู้ด้วยกัน โดยสัญญานั้นจะทำขึ้นมาใหม่ ทั้งสองฝ่ายได้เซ็นรับรู้เรียบร้อย ซึ่งสัญญาฉบับนี้จะนับจากสัญญาเก่ารวมไปด้วย ซึ่งสรุปได้ว่า บัวขาวยังเป็นนักชกในสังกัดของค่ายมวย ป.ประมุข อีกเป็นเวลา 5 ปี นอกจากนั้นบัวขาวยังต้องใช้ค่าย ป.ประมุข ตามเดิม ส่วนเรื่องสถานที่ฟิตซ้อมก็อยู่ที่ตัวนักมวยว่าจะไปซ้อมที่ไหนก็ได้

ส่วนประเด็นที่ กกท.ได้ลงโทษบัวขาว 6 เดือนนั้น "รองสกล" กล่าวว่า ต้องให้ค่ายมวย ป.ประมุข ยื่นเรื่องอุทธรณ์มา ซึ่งมีกำหนดเวลา 1 เดือน และคาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร คณะกรรมการอาจมีการพิจารณาบทลงโทษใหม่ รวมไปถึงเรื่องที่ค่ายมวย ป.ประมุข ฟ้อง บัวขาว และฟ้อง กกท.ไปก่อนหน้านั้น กำนันประมุขยืนยันว่าจะถอนฟ้องแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังมีการจรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ระหว่าง บัวขาว กับค่าย ป.ประมุข อยู่นั้น บัวขาวได้สอบถามไปยังกำนันแก๊ ว่าให้ถอนฟ้องนักกายภาพบำบัดที่เป็นเพื่อนสนิท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ด้วย แต่กำนันแก๊ไม่ยอม จะยอมถอนฟ้องแค่ บัวขาว และกกท.เท่านั้น บัวขาวก็เลยอารมณ์เสียและตอบกลับไปว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะไม่เซ็นสัญญา ซึ่งกำนันก็ไม่ได้ว่าอะไร รองผู้ว่าการ กกท. สกล ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยจึงเข้าไปประสานงานใหม่ ให้ทั้งคู่กลับไปดูรายละเอียดในเรื่องของสัญญา แล้วค่อยกลับมาเจรจากันใหม่อีกครั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างตอบรับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น