ช็อกวงการมวย บัวขาวแขวนนวม ผลประโยชน์ไม่ลงตัว

ช็อกวงการมวย บัวขาวแขวนนวม ผลประโยชน์ไม่ลงตัว

104007

ช็อกวงการ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ยอดนักมวยไทยแห่งยุค “บัวขาว ป.ประมุข” ประกาศ “เลิกชกมวย” ยุติปัญหากับค่ายป.ประมุข ขอทำค่ายมวย “บัญชาเมฆ” สร้างทายาทแทน พร้อมขอโทษแฟนมวยที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ ขณะที่ “กำนันแก๊” เจ้าของค่ายป.ประมุข ย้ำต้องเลิกชกจริง ๆ เปลี่ยนชื่อใหม่ขึ้นชกก็ไม่ได้ ด้านรองผู้ว่าการกกท. “สกล วรรณพงษ์” ชี้เสียใจ และเสียดายที่ต้องจบแบบแพ้กันทั้งสองฝ่าย เพราะเรื่องผลประโยชน์ตัวเดียว ขณะที่นายกมวยอาชีพ “ชาติซ้าย” ฉุน ก่อนหน้าตกลงเซ็นสัญญาแบ่งผลประโยชน์ลงตัวแล้ว แต่ถึงเวลากลับเรียกร้องเพิ่มจนจบไม่สวย

เมื่อ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการมวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) “ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกฎระเบียบ และจรรยาบรรณ คณะกรรมการมวย เป็นประธานในการประชุมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่าง ยอดมวยไทยแห่งยุค บัวขาว ป.ประมุข หรือ นายสมบัติ บัญชาเมฆ แชมป์มวยเควันที่ญี่ปุ่น 2 สมัย และแชมป์มวยไทยไฟต์ กับค่ายป.ประมุข จากการที่ บัวขาว หนีออกจากค่าย เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และขึ้นชกศึกมวยไทยไฟต์ 2012 เมื่อ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ทางค่ายสั่งห้ามชก โดยมี นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ร่วมโต๊ะไกล่เกลี่ย ซึ่ง บัวขาว พร้อมทนายความ ดร.ปกรณ์ อินทรพัฒน์ เข้าร่วมประชุมเผชิญหน้ากับ “กำนันแก๊” นายประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายป.ประมุข และลูกชาย นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน่าค่าย ที่เดินทางมาพร้อมทนายความ นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร อีกครั้ง ท่ามกลางสื่อมวลชนทุกสำนักคับคั่ง

ก่อนการเจรจา ที่ประชุมรับข้อเสนอให้สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อความโปร่งใส ไม่ใช้การประชุมลับ ทนายความค่ายป.ประมุข เปิดฉากย้อนถึงการตกลงร่างสัญญา เพื่อเซ็นยุติปัญหาร่วมกัน เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ตกลงปรองดองด้วยการให้ บัวขาว แยกซ้อมเป็นอิสระได้ แต่ต้องชกในนามค่ายป.ประมุขเท่านั้น และแบ่งผลประโยชน์การชกมวย รับเงินรางวัลจากการชกในอัตรา 60-40 บัวขาวรับ 60 ค่ายรับ 40 ขณะที่ผลประโยชน์ด้านสิทธิประโยชน์ ทั้งจากโฆษณา การโชว์ตัว อัตรา 75-25 บัวขาวรับ 75 ค่ายรับ 25 โดยให้ทั้งสองฝ่ายต่างรับงานได้ แต่ต้องเซ็นสัญญาร่วมกันทั้งสองฝ่าย ส่วนการชกในต่างประเทศมีค่ายป.ประมุข เดินทางไปด้วย และ ป.ประมุข ถอนฟ้อง บัวขาว กับ กกท. แต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาในวันดังกล่าว เพราะ บัวขาว ต้องการให้ถอนฟ้องนักกายภาพบำบัด นายธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ด้วย ซึ่งทนายความของ บัวขาว ชี้ว่ายอมรับข้อเสนอนี้ และพร้อมเซ็นสัญญาทันที

อย่างไรก็ตาม ทนายความฝั่ง บัวขาว ชี้ว่าการเจรจาเมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ไม่ได้โต้แย้งข้อเสนอ เพราะตั้งใจไม่เซ็นสัญญา เนื่องจากต้องการดูสัญญาก่อน ส่วนการเจรจาครั้งนี้ ต้องการเพิ่มข้อสัญญาให้ บัวขาว เป็นฝ่ายรับงานชกมวยเอง และแบ่งผลประโยชน์เฉพาะงานที่อยู่ในพื้นที่จัดชกทั้งบนล่างเวที ส่วนงานนอกเวที ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง งานพรีเซ็นเตอร์ หรืองานโฆษณา ที่ไม่เกี่ยวกับการชกมวย ให้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของ บัวขาว ในนาม นายสมบัติ บัญชาเมฆ ที่ต้องรับผลประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งทางฝ่ายของค่ายป.ประมุข ไม่ยอมเรื่องนี้ ชี้ฝ่าย บัวขาว เรียกร้องเพิ่มและฉีกสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่เมื่อ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่มี “เสธ.ยอด” พล.ต. พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย คณะกรรมการเอกลักษณ์แห่งชาติร่วมไกล่เกลี่ยด้วย ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันอย่างหนักในประเด็นเหล่านี้ ร่วม 2 ชั่วโมง จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียดและไม่สามารถตกลงกันได้ ในที่สุด “บัวขาว” ช็อก!! ที่ประชุม ด้วยการยกมือขอแสดงความเห็น แล้วประกาศทันทีว่า ในเมื่อทุกอย่างจบลงไม่ได้เพราะผลประโยชน์เท่านั้น ตนเองในฐานะที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ขอจบปัญหาทั้งหมด ด้วยการ “เลิกชกมวย” หรือแขวนนวม ซึ่งฝ่ายค่ายป.ประมุข ให้ บัวขาว ยืนยันกลางที่ประชุมว่าจะเลิกชก โดยไม่มีการเปลี่ยนชื่อขึ้นชกด้วย บัวขาว ก็รับคำ

หลังประกาศเลิกชกมวยแบบช็อกวงการ บัวขาว เปิดเผยด้วยเสียงสั่นเครือ ตาแดง ๆ ว่า ตนตั้งใจไว้แล้ว ตั้งแต่ออกจากบ้านว่า หากจบปัญหาไม่ได้ ก็ขอเลือกทางนี้ ต้องขอโทษแฟนกีฬาชาวไทย และแฟนมวยทุกคนด้วยที่ตัดสินใจแบบนี้ ตนทำดีที่สุดแล้ว เลิกตอนที่ยังมีแรงดีกว่า ต้องจำใจเลิกตอนที่โรยรา จากนี้ไปจะพักผ่อนสักระยะ เพราะเครียดมานาน แต่แฟนมวยไม่ต้องเป็นห่วง ตนยังไม่ทอดทิ้งวงการมวย จะทำค่ายมวย “บัญชาเมฆ” สร้างทายาทนักมวยไทยเผยแพร่ชื่อเสียงกับประเทศไทยต่อไป ขณะที่ “กำนันแก๊” กล่าวว่า ตนรับได้กับการตัดสินใจแบบนี้ แต่ไม่ได้ดีใจที่จบแบบนี้ เพียงแต่โล่งใจเหมือนกัน เพราะเหนื่อยกับกระแสเรื่องนี้มายาวนานแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีความระหว่างค่ายป.ประมุข กับ บ.สปอร์ตอาร์ต จำกัด ผู้จัดศึกไทยไฟต์ก็ต้องว่ากันต่อไป

ด้าน “ชาติซ้าย” นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจว่า ตนพยายามเคลียร์ปัญหานี้มานาน เพราะ บัวขาว เป็นนักชกที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ยังไม่อยากให้เลิกชก แต่ครั้งนี้ฝ่าย บัวขาว กลับมายื่นข้อเสนอเพิ่ม จากเดิมที่เคยตกลงกันได้ ทำให้ทุกอย่างพัง ซึ่งตนมั่นใจว่า ไม่ใช่ความคิดของนักมวยแน่นอน ขณะที่ นายสกล วรรณพงษ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ช็อก เสียดาย และเสียใจที่ บัวขาว ตัดสินใจแบบนี้ ถือว่าแพ้กันทั้งสองฝ่าย จากนี้ไป บัวขาว ต้องมายื่นถอนทะเบียนนักมวยกับกกท. เพื่อให้การประกาศเลิกชกมีผลตามกฎหมายพ.ร.บ.มวย ทำให้ บัวขาว กลายเป็นคนธรรมดา ไม่มีสิทธิขึ้นชกมวย ไม่มี บัวขาว ป.ประมุข บนเวทีมวยอีกต่อไป ยกเว้นการทำค่ายมวยสร้าง บัวขาว 2 ขึ้นมา

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น