บัวขาว อาจรอดพ้นจากการโดน “ไทยไฟต์” ในฐานะเจ้าของสัญญา

บัวขาว อาจรอดพ้นจากการโดน “ไทยไฟต์” ในฐานะเจ้าของสัญญา

"บัวขาว" อาจรอดพ้นจากการโดน “ไทยไฟต์” ในฐานะเจ้าของสัญญาฟ้องร้องฐานละเมิดสัญญาขึ้นชกศึก "แม็กซ์ เวิลด์ แชมเปียนส์ 2013" สมาคมกีฬามวย
อาชีพฯ บอกไม่มีการตัดสินผลแพ้-ชนะ จึงไม่นับเป็นการแข่งขัน ที่สำคัญการชกโชว์ไม่มีอยู่ใน พ.ร.บ.กีฬามวยอาชีพ นักชกมีสิทธิ์ออกแบบการชกได้

หลังจากที่ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข นักชกมวยไทยชื่อดัง ได้ผันตัวเองเป็นโปรโมเตอร์จัดศึกมวยไทย "แม็กซ์ เวิลด์ แชมเปียนส์ 2013" เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาสุรินทร์ภักดี จ.สุรินทร์ พร้อมทั้งขึ้นเวทีโชว์ลีลาไหว้ครูและล่อเป้ากับ มาลิค วัตสัน คู่ชกชาวอเมริกัน และบัวขาวเป็นฝ่ายชนะน็อกไปกองยก 2 โดยการขึ้นชกนั้น บัวขาวได้อ้างว่าเป็นการชกโชว์ เพื่อให้รอดจากการผิดสัญญากับทางไทยไฟต์ หลังจากที่นายนพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันศึกมวยไทยไฟต์แถลงข่าวขู่ก่อนหน้าว่าจะดำเนินคดีทันทีหากบัวขาวขึ้นสังเวียนรายการดังกล่าวนั้น

ล่าสุด นายนิคม รัตนวิชช์ เลขาธิการสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงเรื่องการฟ้องร้องของไทยไฟต์ ที่ฟ้องบัวขาวว่าทำผิดสัญญาว่า "คำว่า “ชกโชว์” นั้นไม่มีอยู่ในพระราชบัญญัติกีฬามวยอาชีพ ปี 2542 “ใน พ.ร.บ.ไม่มีระบุถึงการชกโชว์ว่าจะมีรูปแบบออกมาเป็นอย่างใด แต่ตามกฎหากไม่มีการตัดสินแพ้-ชนะ ก็ถือได้ว่าไม่ใช่การแข่งขัน และการชกโชว์ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากนายทะเบียน"

"ในกรณีของบัวขาว ป.ประมุข ที่ขึ้นชกที่ จ.สุรินทร์ เท่าที่ผมทราบก็ไม่ได้มีการตัดสินแต่อย่างใด ส่วนที่ว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์วงการมวยหรือไม่นั้น ผมว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะการชกโชว์สามารถกำหนดการแสดง รูปแบบการชกให้ออกมาตามบทที่เขียนได้ เพียงแต่ต้องนำเสนอศิลปะแม่ไม้มวยไทยร่วมด้วยเท่านั้น”

นายนิคมกล่าวในตอนท้ายว่า “แต่ในกรณีที่มีการฟ้องร้องข้อหาที่บัวขาวผิดสัญญาไปขึ้นชกรายการ “ขะแมร์ไฟเตอร์” ที่ประเทศกัมพูชานั้น ผมไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ได้ชมไฟต์ดังกล่าว แต่หากมีการตัดสินแพ้-ชนะก็ถือว่าเป็นการชกจริง ส่วนเรื่องข้อสัญญานั้นก็ต้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคลียร์กันเอง” พ่อบ้านมวยอาชีพกล่าว

ขณะเดียวกัน “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ อดีตหัวหน้าค่ายเก่าของ “บัวขาว ป.ประมุข” เปิดเผยว่า ก็ต้องแสดงความยินดีกับบัวขาวที่สามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ บอกตรงๆ ว่าตนดีใจด้วย แต่ที่เสียใจคือการที่บัวขาวไม่ยอมปฏิบัติตามกฎกติกาของศาล ที่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ค.55 เกี่ยวกับการแบ่งสรรผลประโยชน์ระหว่างตนกับทางบัวขาว โดยมีการระบุว่าการแบ่งค่าตัวจากการชกรายการไทยไฟต์ 60/40 โดยตนได้ 40 เปอร์เซ็นต์

"ตนไม่ได้ออกมาเรียกร้องเพื่อขอส่วนแบ่งแต่อย่างใด เพียงแต่อยากเรียกร้องความยุติธรรม รวมถึงชื่อเสียงให้กับตนบ้าง เพราะที่ผ่านมาตนต้องตกเป็นจำเลยของสังคมมาตลอดว่าคอยไปหาผลประโยชน์กับบัวขาว ทั้งที่ตนกับบัวขาวถ้าจะว่าไปแล้วเหมือนเกิดมาคู่กัน ต่างคนต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน มาวันนี้เมื่อตนถูกเอาเปรียบบ้าง ไม่เห็นมีใครเห็นใจตนบ้างเลย

แต่มาวันนี้หลายคนในวงการถามกับตนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ตนก็ไม่อยากที่จะไปเกี่ยวข้องอีก ขอบอกตรงๆ ว่าตนยอมแพ้และหมดใจไปแล้ว แต่ทั้งนี้ก็อยากฝากถึงบัวขาวว่าให้คิดถึงตนบ้าง การที่ไม่แบ่งส่วนแบ่งตนก็ไม่เคยเรียกร้อง วันนี้บัวขาว สวนทางคำสั่งศาลทุกอย่าง ทั้งเรื่องไม่ใช้ ป.ประมุข เวลาขึ้นชก แล้วอย่างนี้เราจะมีกฎระเบียบให้ปฏิบัติตามไปทำไม".

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น