จับตาโปรโมเตอร์ "บัวขาว" ในวันที่ "หมัดยังหนัก" และ "หูยังเบา"


จับตาโปรโมเตอร์ "บัวขาว" ในวันที่ "หมัดยังหนัก" และ "หูยังเบา"

01-47


ขึ้นชกโชว์ตัวเวที มวยไทย "แม็กซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยน 2013" สนามแรก ตามความคาดหมาย สำหรับ "ดำดอทคอม" บัวขาว บัญชาเมฆ แชมป์มวยไทยไฟต์เจ้าปัญหา



ที่ผ่านมาบัวขาวมีปัญหากับต้นสังกัดและผู้ดูแลมาค่อนข้างถี่ ตลอด 2 ปีมานี้บัวขาวมีเรื่องที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่กอดคอนักกายภาพบำบัดคู่ใจ ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ออกมาจากค่าย ป.ประมุข
เหตุการณ์นั้นทำให้บัวขาวกลายเป็นบุคคลน่าสนใจที่ไม่ใช่แค่นักมวยเจ้าของแชมป์ไทยไฟต์แต่อย่างใด มีการพูดกันว่า การตามหาบัวขาวครั้งนั้น เพราะเขาถือเป็นสมบัติของชาติเลยทีเดียว แต่ ณ เวลานี้การพูดถึงนักชกสายเลือดสุรินทร์ตรงกันข้ามแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

ตั้งแต่ที่ออกจากค่าย ป.ประมุข เนื่องจากให้เหตุผลว่า อึดอัดและอยากมีอิสระเป็นของตัวเอง ทั้งๆ ที่สัญญากับค่ายก็ยังคงมีอยู่ วันนั้นบัวขาวยังได้รับความสงสารจากแฟนๆ และผู้ที่รู้ข่าว เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่า นักมวยไทยส่วนใหญ่จะมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก บางคนอาจจะโดนเอาเปรียบจากเจ้าของค่ายหรืออึดอัดใจในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงิน

แต่ในส่วนของบัวขาวกับ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่าย ป.ประมุข ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 เพราะคอยเลี้ยงดู ปลุกปั้นบัวขาวมาจนเป็นซูเปอร์สตาร์ในตอนนี้ การแหกค่ายและไม่ยอมเจรจากับอะไรทั้งสิ้นในช่วงเวลาหนึ่งนั้น ทำให้บัวขาวถูกมองว่าเป็นคนขาดความกตัญญูไปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

สุดท้ายเรื่องราวคาราคาซังก็จบสวย สัญญาที่เหลือ 5 ปีในช่วงนั้น ถูกเขียนขึ้นใหม่ เงินรางวัลจากการชกบัวขาวจะได้รับ 60% ค่าย ป.ประมุข 40% ขณะที่รายได้จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งงานโชว์ตัว, โฆษณา, งานออกรายการโทรทัศน์ และสปอนเซอร์ห้างร้านต่างๆ บัวขาวจะได้รับ 75% ค่าย ป.ประมุข รับ 25%

บัวขาวกลับมาได้รับความสนใจในฐานะนักชกฝีมือเยี่ยมที่สร้างความสนุกให้ กับแฟนมวยที่ติดตามเหมือนที่ผ่านมา แต่เรื่องน่าปวดหัวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หรือจะเรียกว่าเป็นการ "กระชากกรอบ" ของบัวขาวอีกครั้ง หลังจากหลุดจากค่าย ป.ประมุข มาได้ ก็เปิดศึกกับ บริษัท สปอร์ตอาร์ต จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ มวยไทยไฟต์ ขึ้นมาอีกคำรบ

บัวขาวเดินหน้ารับงานส่วนตัวด้วยตัวเอง โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตสปอร์ตอาร์ต ทำให้รอยร้าวเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อย

บัวขาวไปโชว์ตัวที่กัมพูชา ในศึก "ขะแมร์ ไฟเตอร์" เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่สปอร์ตอาร์ตประกาศแล้วว่า เขาไม่สามารถไปชกได้ และถ้าเห็นขึ้นเวทีก็จะมีการฟ้องร้องทันที ซึ่งบัวขาวก็ขึ้นชกโชว์ และสปอร์ตอาร์ตก็ฟ้องศาลไปตามที่เคยพูดไว้ ถือเป็นการเพิ่มความบาดหมางให้กับสองฝ่ายมากขึ้น และสัญญาของบัวขาวก็ยังเหลือกับสปอร์ตอาร์ตกว่า 1 ปี

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บัวขาวกลายเป็นผู้ร้ายไปเสียแล้ว เพราะไม่ใช่แค่แหกค่าย แต่นี่จะแหกสัญญากับสปอร์ตอาร์ตอีกคดี

บุคลิกของบัวขาวตามที่ "อุ ป.ประมุข" ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข เคยบอกมา คือ บัว ขาวเป็นคนที่หัวอ่อน และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีหรือสนใจในสิ่งยั่วยุอะไรมากมาย แต่สิ่งที่บัวขาวออกมาฟาดงวงฟาดงาในครั้งนี้เกิดจากการยุแหย่ของคนสนิท

คนสนิทที่ว่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน "ยิ้ม" ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม ที่กอดคอมาจากค่ายด้วยกันนั่นเอง
จากการที่ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อบัวขาวหลายๆ ครั้ง ปรากฏว่าจะเป็นยิ้มที่รับโทรศัพท์ของนักชกสุรินทร์ ก่อนจะบอกว่าใครโทร.มา ซึ่งบัวขาวก็ให้ยิ้มเป็นผู้ที่ให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวแทนตนแบบไม่ขัดข้องแต่อย่างใด

ล่าสุด บัวขาวเพิ่งผันตัวเองเป็นโปรโมเตอร์ ในรายการ "แม็กซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยน 2013" ซึ่งมีการจัดการแข่งขันที่มีรูปแบบคล้ายไทยไฟต์ โดยเลือกจะจัดสนามแรกที่บ้านเกิดตัวเอง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนมวยจำนวนมาก พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 7 รวมระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงเสียด้วย

สปอร์ตอาร์ตประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า การจัดมวยในรูปแบบเดียวกันกับไทยไฟต์ ถือเป็นการสร้างคู่แข่งกับรายการที่บัวขาวขึ้นชกอยู่ เป็นเรื่องที่ผิดมารยาท แต่การฟ้องร้องมวยแม็กซ์เวิลด์ "โจ ไทยไฟต์" นพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันไทยไฟต์บอกว่า ฟ้องเพราะละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญหาเพื่อการค้า ด้วยการนำภาพถ่ายของบัวขาว และนักมวยคนอื่นๆ ในรายการไทยไฟต์ไปใช้ เพื่อขอสปอนเซอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการเอาลิขสิทธิ์ของผู้อื่นไปสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง จึงเตรียมฟ้องแพ่งจำนวน 100 ล้านบาท รวมทั้งการชกโชว์ก็ทำไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ไม่มีการระบุว่ามีการชกโชว์แต่อย่างใด

ไอเดียการจัดมวยแม็กซ์เวิลด์อาจจะไม่ได้มาจากคู่หูยิ้มเพียงคนเดียว แต่น่าจะมาจากผู้ทรงพลังหลายคนที่มีงบประมาณและบารมีในการจัดรายการระดับนี้ ขึ้นมาได้

แต่เบื้องหลังคนที่จะกล่อมให้บัวขาวมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้ ก็คงหนีไม่พ้นคู่หูคนนี้เช่นกัน
บัวขาวเคยบอกว่า การมาเป็นโปรโมเตอร์ เพราะเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก และอยากจะจัดมวยที่นักชกไม่โดนเอาเปรียบจากผู้จัดด้วย แต่เชื่อได้ว่าคำพูดเหล่านี้น่าจะเป็นสคริปต์ที่มีคนเขียนให้พูด บอกให้กล่าวเสียมากกว่า

เพราะแม้แต่การแถลงข่าวมวยแม็กซ์เวิลด์ครั้งล่าสุด คำพูดของบัวขาวยังวนไปวนมา ไม่เหมือนการพูดจากใจเท่าไรนัก

สปอร์ตอาร์ตกำลังพิจารณาว่าจะฟ้องบัวขาวเพิ่มอีกคดีหรือไม่ จากการที่ขึ้นชกโชว์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม เพราะก็มีคดีขะแมร์ไฟต์เตอร์ให้จัดการอยู่แล้ว
แต่เมื่อถามถึงโอกาสที่จะเห็นบัวขาวขึ้นป้องกันแชมป์ไทยไฟต์ในปีนี้นั้น นพรัตน์ยังไม่การันตี แต่ต้องรักษาตามสัญญาที่ว่า ผู้จัดเจ้าของสัญญาต้องหารายการให้นักชกต่อย มิฉะนั้นจะผิดสัญญา
แต่บัวขาวนั้น แทบจะปฏิเสธแบบเต็มปากว่า จะไม่มีชื่อ บัวขาว ป.ประมุข หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ ในสารบบไทยไฟต์อีกต่อไป

ดําดอทคอมถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง เพราะมีบุคคลหลายฝ่ายอยากได้ตัว เนื่องจากยังสามารถสร้างมูลค่าให้ผู้ครอบครองได้อย่างมากมายมหาศาล ในช่วงท้ายๆ ของการเป็นนักมวย
แต่น่าเสียดายที่ว่า นักชกรายนี้กลับไปอยู่ท่ามกลางการดูแลของคนที่ไม่ถูกไม่ควรนัก สุด ท้ายเมื่อต้องรับกรรม บัวขาวจะต้องรับผลเสียไปแบบเต็มๆ วันนั้นแหละถึงจะรู้ว่า คู่หูที่กอดคอแหกค่ายกันมา เป็นเพื่อนแท้จริงหรือไม่

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น